Panel Optimizer (โปรแกรม คำนวณการตัด ชิ้นงานแบบ 2 มิติ)

Panel Optimizer (โปรแกรม คำนวณการตัด ชิ้นงานแบบ 2 มิติ) : โปรแกรมนี้เอาไว้ใช้ในการคำนวณการตัดชิ้นงานรูปทรงสี่เหลี่ยม เช่นแผ่นโลหะ แผ่นไม้อัด แผ่นกระจก แผ่นโฟม หรือแผ่นกระดาษ เพื่อให้ได้การตัดที่ก่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากชิ้นงานได้สูงสุด

ผู้ใช้สามารถกำหนดขนาดของอุปกรณ์การตัด ขนาดชิ้นงานที่ต้องการ จำนวนชิ้นงานที่ต้องการ ขนาดชิ้นงานหลัก รวมไปถึงการกำหนดค่าใช้จ่ายในการตัดต่อครั้ง หรือค่าใช้จ่ายต่อความยาวในการตัด เพื่อให้สามารถทราบถึงต้นทุนของชิ้นงานแต่ละชิ้นได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างการใช้งาน Panel Optimizer 3.0

เช่น มีแผ่นไม้อัดขนาด 1.20 x 2.4 เมตร 5 แผ่น ต้องการคำนวณหาวิธีการตัด
โดยตัดด้วยใบเลื่อยขนาด 2 มม. ให้ได้
ขนาด 0.75 x 1.25 เมตร จำนวน 10 แผ่น
ขนาด 0.25 x 0.35 เมตร จำนวน 15 แผ่น
ขนาด 0.35 x 0.55 เมตร จำนวน 21 แผ่น
ขนาด 0.20 x 0.45 เมตร จำนวน 35 แผ่น

ว่าจะมีการตัดอย่างไรให้เกิดการใช้งานที่คุ้มค่าที่สุด ?

(กดตรงนี้เพื่อเข้าไปดูรายละเอียดของ โปรแกรมนี้แบบละเอียดยิบ !!)

1. ปรับการแสดงผลไปที่ 1024 x 768 pixel ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น

2. เพิ่มระบบการป้อนข้อมูลแบบ Direct Input ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อมูลวัตถุดิบหลัก (Panel) และชิ้นงาน (Part) ได้โดยตรงที่หน้างานตัด (Cutting Job) โดยไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลใน Database เพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน กรณีที่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลวัตถุดิบหลัก (Panel) และชิ้นงาน (Part) ไว้ใน Database

3. เพิ่มระบบการนำเข้าและส่งออกข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถส่งออกและนำเข้าข้อมูล รายการชิ้นงาน (Part List) วัตถุดิบหลัก (Panel) และชิ้นงาน (Part)

4. เพิ่มตัวเลือกในการแสดงผลการตัด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูเฉพาะชิ้นงานที่ต้องการ และมีตัวเลือกด้านล่างของภาพการตัด

5. เพิ่มระบบแฟ้มช่วยเหลือ โดยสามารถเรียกใช้โดยกด F1 จากภายในโปรแกรม

6. ปรับการคำนวณใหม่โดยลดการซ้ำซ้อนของแบบการตัด โดยโปรแกรมจะแสดงรูปแบบการตัดและจำนวนที่ต้องตัดในแต่ละแบบให้ทันที

7. เพิ่มรายงานภาพการตัดและรายงานสรุปต่างๆที่จำเป็นต่อการใช้งานอีกหลายรูปแบบ

8. สามารถคำนวณการตัดชิ้นงานต่อครั้งได้ไม่จำกัดขนาดและจำนวน ทั้งชิ้นงานและแผ่นหลัก

9. สามารถกำหนดขนาดรอยตัด ของแต่ละแผ่นหลักได้อิสระ

10. สามารถคำนวณต้นทุนของชิ้นงานจากค่าใช้จ่ายในการตัดต่อครั้ง หรือค่าใช้จ่ายต่อความยาวในการตัด

11. สามารถกำหนดลำดับความสำคัญของแต่ละชิ้นงานได้

12. สามารถกำหนดราคาของแผ่นงานหลักได้

13. สามารถกำหนดสีของชิ้นงานแต่ละแผ่นได้โดยอิสระ

14. สามารถกำหนดทิศทางการตัดได้

15. สามารถกำหนดเส้นพิกัดบนแผ่นงานหลักได้

16. สามารถกำหนดลำดับความสำคัญของชิ้นงานในการตัดได้

17. สามารถเลือกการแสดงผลแบบสีหรือขาวดำได้

18. ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูล

19. พร้อมรายงานให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ